วันพุธที่ 9 พฤศจิกายน พ.ศ. 2559

๗.ภาพสลักในปราสาทนครวัด

            หลังจากการรับทานอาหารเที่ยงและน้ำมะพร้าวหวานเย็นชื่นใจเสร็จแล้ว  ก็ได้เวลาแห่งการเจาะเวลาผ่านภาพสลักของปราสาทนครวัด   ในตอนนี้ ท้าวไซยขออกตัวว่า  ภาพที่นำมาเสนอในตอนนี้ เป็นภาพที่ถ่ายหลากหลายแง่มุมในองค์ปราสาท  ทั้งชั้นโคปุระ  ในองค์ปราสาทชั้นที่ ๑  และชั้นบนขึ้นไป  เจอตรงไหนก็ถ่ายตรงนั้น  ไม่ได้เอามาเรียงภาพ  และขออภัยว่า ไม่มีองค์ความรู้ในการบรรยายภาพแต่ละภาพเลย  ต้องให้ทีมงานอีกหลายท่านมาช่วยอธิบายว่าแต่ละภาพหมายถึงอะไร
         ท้าวไซยนั้นต้องกลับไปอ่านรามายณะ และ ภควัทคีตา  อีกหลายๆ รอบก่อน  ตอนนี้ยังไม่ได้อ่านเลย   ดังนั้นจึ่งขอนำเสนอรูปไปก่อน   รูปนี้เจตนาขยายให้ใหญ่ไว้  เพราะเมื่อท่านไปชมของจริง  ท่านจะงงและอัศจรรย์ใจมากว่าทำไมถึงได้ยิ่งใหญ่อลังการณ์ยิ่งนักเช่นนี้  ความละเอียดชดช้อยสวยงามมีชีวิตชีวาดังตัวจริงของรูปสลักนี้  สุดที่จะบรรยาย  ต้องดูและเสพด้วยจิตใจที่พิจารณาอย่างลึกซึ้งเท่านั้น

















นอกจากภาพสลักแล้ว ยังมีจารึกเป็นภาษาขอมโบราณ  ท้าวไซยก็ยังไม่ทราบคำแปลว่ามีความหมายบอกความนัยใดไว้  ขอให้ท่านที่มีความเชี่ยวชาญช่วยเข้ามาขยายคำอธิบายต่อไป













































































   






























































             มีเรื่องที่สะกิดใจท้าวไซยเล็กน้อย คือพฤติกรรมของนักท่องเที่ยวหลายกลุ่ม  เท่าที่สังเกตุ  มักจะเห็นพฤติกรรมในการชมภาพสลักและการก่อสร้างในความยิ่งใหญ่  สวยงามอลังการณ์  แต่ถ้าท้าวไซยสามารถรู้ในคนได้  จะมีใครที่มีคำถามตลอดเวลาหรือไม่ว่า  ใคร  เพราะอะไร  ทำไม  อย่างไร  วิธีการใด  เหล่านี้ถ้าถามไปด้วย  ดูไปด้วย  จะได้ความรู้คุ้มค่ากับการเสียเวลา ค่าใช้จ่าย  ความรู้ที่นี่มีแทบจะทุกศาสตร์  ดูแล้วได้องค์ความรู้อะไรไปปรับใช้กับชีวิตตนเอง ประเทศชาติ  หรือไม่

       เห็นนักท่องเที่ยวชาวเยอรมันเป็นสุภาพสตรีสูงวัยท่านหนึ่งเอาปากกามาสเก็ตภาพองค์ปราสาทอย่างค่อยๆ คิดพิจารณาแล้วค่อยลากเส้นทีละนิดๆ  จนเป็นรูปร่างขึ้นมาสวยงาม  หากมองในแง่ศิลปินก็ดูดีมากที่มาสร้างผลงาน  แต่เมื่อภาพนี้กลับไปเยอรมัน  มูลค่าของภาพนี้จะสูงขึ้นทันที  เพราะไปวาดที่สถานที่จริง  เมื่อปล่อยกาลเวลาผ่านไปนานๆ  เป็นร้อยปี ภาพนี้ก็จะมีค่าแก่ลูกหลานว่าครั้งหนึ่งบรรพบุรุษของเขาได้มาที่ปราสาทแห่งนี้  ลูกหลานจะเกิดความภาคภูมิใจ

        ดังนั้น หากพินิจพิจารณามาชมปราสาทขอมที่นี่  ควรชมด้วยความสุขุม ละเอียดรอบคอบ จะได้ความสุขในการแสวงหาความรู้ด้วยการท่องเที่ยวไปในโลกกว้าง

         นี่คือแนวทางของคณะ  สี่พยัคฆ์คำเลาะ  ครานี้


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น