วันจันทร์ที่ 14 พฤศจิกายน พ.ศ. 2559

๙.ความศรัทธาของสุริยวรมันที่ ๒ ต่อพระวิษณุ



      เมื่อใครมาเห็นปราสาทนครวัดแล้ว  ความเห็นส่วนตัวของบุคคลทั่วไป คงไม่พ้นเครื่องความประทับใจ ท้าวไซยคำเลาะผู้น่ารักและมักเลาะก็คือกัน  นั่นความอัศจรรย์ ความประหลาดใจและกลายมาเป็นความประทับใจในความยิ่งใหญ 
         ความประหลาดใจ อัศจรรย์ใจ ความฉงนสนเท่ห์ใจนั้น  ภาษาคนเผ่า จปท. เจ๊กปนผู้ไทอย่างท้าวไซยคำเลาะ เรียกว่า  งึด   ใช่หละซิ...ก็ใครจะไม่งึดหละ  และต้องงึดหลายด้วย  เพราะปราสาทนครวัดนั้น  มีเหตุให้งึดอยู่หลายประการ  
             ถ้าว่าตาม หลักการพระพุทธศาสนาแล้ว  ศรัทธาคือความเชื่อที่มีปัญญากำกับ  ศรัทธาที่ไม่มีปัญญา คือความงมงาย  ศรัทธาที่ขาดปัญญา ขาดเหตุผล ขาดความเป็นจริงของชีวิต ศรัทธานั้นเป็นความงมงาย
         ศรัทธาเป็นกระบวนการหนึ่งของการพัฒนาปัญญา  ต้องมีเหตุผล  เป็นไปเพื่อให้เกิดวิริยะความพากเพียรปฎิบัติให้เกิดมรรคผล  และเกิดการพัฒนาปัญญา
      ศรัทธาความเชื่อในพระพุทธศาสนาจึงเป็นศรัทธาที่เป็นการสร้างปัญญาเพื่อหาเหตุผลควบคุมศรัทธาให้อยู่ในความหมายหนทางที่ถูกต้อง  
         การสร้างปราสาทนครวัดจึงต้องมีศรัทธาอย่างอย่างลึกซึ้งยิ่งใหญ่   จะว่าไปแล้วการสร้างปราสาทขอมทุกแห่งหรือสิ่งปลูกสร้างที่ใหญ่โตของโลกทุกแห่ง ก็น่าจะมีเหตุจากศรัทธาความเชื่ออย่างมีเหตุผลในยุคสมัยนั้น เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นขณะนั้น
         ตามประวัติที่ท้าวไซยไปค้นคว้ามาได้แบบสรุปกล่าวว่านครวัด (เขมรអង្គរវត្ត) เป็นศาสนสถานตั้งอยู่ในเมืองพระนคร จังหวัดเสียมราฐ ประเทศกัมพูชา สร้างในรัชสมัยของพระเจ้าสุริยวรมันที่ 2 ในช่วงต้นคริสต์ศตวรรษที่ 12 โดยเป็นศาสนสถานประจำพระนครของพระองค์  เฉพาะองค์ปราสาทนครวัดได้เริ่มสร้างในกลางพุทธศตวรรษที่ 17 ในรัชสมัยของ พระเจ้าสุริยวรมันที่ 2 เพื่อบูชาแด่พระวิษณุหรือ พระนารายณ์





ปราสาทนครวัดมีขนาดใหญ่มากถึง 200,000 ตารางเมตร  สูง 60 เมตร ยาว 100 เมตร และกว้าง 80 เมตร 
มีแผนผัง ปราสาทตามความเชื่อทางฮินดู   มีปราสาท 5 หลังตั้งอยู่บนฐานสูงตามคติของศูนย์กลางจักรวาล กำแพงด้านนอกยาวด้านละ 1.5 กิโลเมตร มีคูน้ำล้อมรอบตามแบบ มหาสมุทรบนสวรรค์ที่ล้อมรอบเขาพระสุเมรุ
ใช้หินรวม 600,000 ลูกบาศก์เมตร ใช้แรงงานช้างกว่า 40,000 เชือก และแรงงานคนนับแสนขนหินและชักลากหินมาจากเขาพนมกุเลน ชึ่งอยู่ห่างออกไปกว่า 50 กิโลเมตร มาสร้าง  มีเสา 1,800 ต้น หนักต้นละกว่า 10 ตัน ใช้เวลาสร้างร่วม 100 ปี ใช้ช่างแกะสลัก 5,000 คน และใช้เวลาถึง 40 ปี  หอสูง 60 กว่าเมตรศูนย์กลางของกลุ่มปราสาท อันเปรียบเสมือนศูนย์กลางของจักรวาล 
แค่ข้อมูลแบบสรุปมานี้ก็พอที่จะสร้างความ  งึด ให้คิดอย่างปวดสมองแล้วว่า  ความศรัทธา ความเชื่อของพระเจ้าสุริยวรมันที่ ๒ นั้นช่างมีความรักศรัทธาอย่างลึกซึ้งต่อองค์มหาเทพยิ่งนัก
พระองค์เชื่อถืออะไร ? สำหรับท่านที่ยังไม่เข้าใจอะไรเลย ก็ขอสรุปประวัติท่านตามที่ไปลอกเขามาจากเวปวิกิพีเดียข้างล่างดังนี้
https://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B9%80%E0%B8%88%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%AA%E0%B8%B9%E0%B8%A3%E0%B8%A2%E0%B8%A7%E0%B8%A3%E0%B8%A3%E0%B8%A1%E0%B8%B1%E0%B8%99%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B9%88_2
Suryavarman II Angkor Wat 0869.jpg
สูรยวรรมันที่ 2[1] เอกสารไทยบางทีว่า สุริยวรมันที่ 2 (เขมรសូរ្យវរ្ម័នទី២ สูรฺยวรฺมันที ๒อังกฤษSuryavarman II) สิ้นพระชนม์แล้วได้พระนามว่า บรมวิษณุโลก (เขมรបរមវិឝ្ណុលោក บรมวิศฺณุโลก) เป็นพระมหากษัตริย์แห่งจักรวรรดิเขมร เสวยราชย์ตั้งแต่ ค.ศ. 1113 ถึงราว ค.ศ. 1145-50
พระองค์สถาปนานครวัดถวายพระวิษณุ นอกจากนี้ สถาปัตยกรรมเพื่อถวายแด่เทพยดา การศึกสงครามจำนวนมหาศาล และการปกครองที่เข้มแข็ง ทำให้พระองค์ได้ชื่อว่าเป็นหนึ่งในพระมหากษัตริย์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของจักรวรรดิเขมร
สูรยวรรมันขึ้นครองราชบัลลังก์จักรวรรดิเขมรสืบต่อจากธรณีนทรวรรมันที่ 1 ใน ค.ศ. 1113[5]:159 พราหมณ์ผู้เฒ่านามว่า ทิวการบัณฑิต (Divakarapandita) เป็นประธานในการราชาภิเษก นับเป็นครั้งที่สามในประวัติศาสตร์เขมรที่นักบวชเป็นประธานพิธีนี้[6]
จารึกหลายหลักว่า ในการราชาภิเษก สูรยวรรมันจัดมหรสพ และพระราชทานทรัพย์นานัปการแก่ทิวการบัณฑิต เช่น เสลี่ยง พัชนี ศิราภรณ์ ธำมรงค์ และคนโท เสร็จพิธีแล้ว พราหมณ์เฒ่าผู้นี้เดินทางต่อไปยังศาสนสถานต่าง ๆ ในแว่นแคว้นของพระองค์ รวมถึงปราสาทพระวิหาร (ប្រាសាទព្រះវិហារ บฺราสาทพฺระวิหาร) บนเทือกเขาพนมดงรัก (ជួរភ្នំដងរែក ชัวรภฺนํฎงแรก) ที่ซึ่งเขาได้รับปฏิกรรมทองคำรูปศิวนาฏราช[6]
ใน ค.ศ. 1119 สูรยวรรมันจัดราชาภิเษกอีกครั้ง เชิญทิวาการบัณฑิตเป็นประธานในพิธีเช่นเดิม



รัชกาลสูรยวรรมันบังเกิดความก้าวหน้าทางศิลปะและสถาปัตยกรรมอย่างยิ่ง สูรยวรรมันทรงถือไวษณพนิกาย (ถือพระวิษณุเป็นใหญ่) ต่างจากพระมหากษัตริย์เขมรพระองค์อื่น ๆ ที่ถือไศวนิกาย (ถือพระศิวะเป็นใหญ่) พระองค์จึงสร้างนครวัดถวายพระวิษณุ แต่นครวัดมาสำเร็จเอาเมื่อสิ้นพระชนม์แล้ว
สูรยวรรมันเป็นพระมหากษัตริย์เขมรพระองค์แรกที่ปรากฏโฉมในงานศิลปะ เช่น ที่นครวัดมีรูปสลักนูนต่ำของพระองค์ประทับนั่งบนราชอาสน์ สวมเครื่องทรงต่าง ๆ เช่น ศิราภรณ์ ต่างหู กำไลแขน กำไลเท้า สังวาลย์ ฯลฯ หัตถ์ขวาถือซากงู รายล้อมด้วยบริพารถือพัชนี แส้ และฉัตร ทั้งมีพราหมณ์ที่ดูเหมือนกำลังเตรียมพิธีอยู่ใกล้ ๆ และเหมือนกำลังประทับอยู่กลางป่า
ภาพการชนไก่ในปราสาทนครวัด

         ความเคารพเชื่อถือศรัทธาของพระเจ้าสูริยวรมันที่ ๒  ที่มีต่อพระวิษณุนั้นลึกซึ้งมากมายมหาศาลจึงเป็นเหตุที่มาของการสร้างองค์ปราสาทนครวัดแห่งนี้   แล้วพระวิษณุคือใคร ?
https://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%A7%E0%B8%B4%E0%B8%A9%E0%B8%93%E0%B8%B8
      พระวิษณุ (สันสกฤต: विष्णु วิษฺณุ) หรือที่รู้จักกันในพระนามอีกอย่างหนึ่งว่า พระนารายณ์ (สันสกฤต: नारायण นารายณ) เป็นหนึ่งในสามตรีมูรติมีหน้าที่คุ้มครองแลดูแลรักษาทั้ง 3 โลกตามความเชื่อของชาวฮินดู จากคัมภีร์พราหมณ์ 
        รูปร่างลักษณะมีพระวรกายจะมีสีที่เปลี่ยนไปตามยุค ฉลองพระองค์ดั่งกษัตริย์ มีมงกุฎทอง อาภรณ์สีเหลือง มี 4 กร ถือ สังข์ จักรสุทรรศน์ คทาเกาโมทกี แต่ที่จะพบเห็นได้บ่อยที่สุดคือถือ จักร์ สังข์ คทา ส่วนอีกกรจะถือ ดอกบัวบ้าง หรือ ไม่ถืออะไรเลยบ้าง (โดยจะอยู่ในลักษณะ"ประทานพร")
โดยปรกติ พระวิษณุ จะทรงประทับอยู่ที่เกษียรสมุทร โดยส่วนมากจะบรรทมอยู่บนหลังเศษนาคราช โดยมีพระชายาคือพระลักษมีมหาเทวี คอยฝ้าดูแลปรนิบัติอยู่ข้าง ๆ เสมอ พาหนะของพระวิษณุคือ พญาครุฑ
พระนารายณ์ทรงสุบรรณ
http://www.siamganesh.com/garuda.html
พระวิษณุ มีอีกพระนามอีกอย่างหนึ่งว่า "หริ" แปลว่าผู้ดูแลแห่งจักรวาล  ถือเป็นเทพสูงสุด เพราะทุกอย่างเกิดจาก "หริ" โดย"หริ"ได้แบ่งตนเองออกเป็น 3 คือ
  • พระพรหม มีหน้าที่สร้างและลิขิตสรรพสิ่งทั้งปวงในทั้งสามโลก
  • พระวิษณุ หรือ พระหริ มีหน้าที่ดูแลทั้งสามโลกให้อยู่ในความเรียบร้อย และสมดุล
  • พระศิวะ มีหน้าที่ทำลายสิ่งที่ไม่ดีทั้งหลายทั้งปวงในโลกทั้งสาม













       ดังนั้นความเชื่อถือศรัทธาของพระเจ้าสุริยวรมันที่ ๒  ซึ่งให้ความเคารพนับถือในเทพผู้ดูแลจักรวาล คือ พระวิษณุหรือหริ    ทำให้ท่านสร้างปราสาทนครวัดขึ้นมาเพื่อเป็นสถานที่สถิตย์ของเทพผู้เป็นใหญ่ในจักรวาล  คือ พระวิษณุ  หรือ หริ  และแบ่งเป็นพระพรหมผู้สร้าง  พระวิษณุผู้ดูแล  พระศิวะผู้ทำลาย

         การก่อสร้างปราสาทนครวัดใช้เวลานานมากมายถึง ๑๐๐ ปี จึงแล้วเสร็จอย่างยิ่งใหญ่เป็นสิ่งมหัศจรรย์ที่  งึด ที่สุดที่มนุษย์ได้สร้างขึ้นมา  ในสมัยนั้นไม่มีเครื่องมืออำนวยความสดวกในการก่อสร้าง เหมือนทุกวันนี้ 
        แต่กระนั้นก็ดี  มีประเทศใดในโลกปัจจุบันนี้ประเทศใดหรือไม่ที่คิดจะสร้างองค์ปราสาทให้ยิ่งใหญ่ในทุกด้านเหมือนพระเจ้าสุริยวรมันที่ ๒  
                                  
       ยิ่งใหญ่ในความคิดที่จะสร้าง  
       ยิ่งใหญ่ในแบบแผนผังของการสร้าง 
       ยิ่งใหญ่ในการสร้างกำกับดูแลควบคุม  
       ยิ่งใหญ่ในการให้บริวารจำนวนมาก 
       ยิ่งใหญ่ในการจินตนาการว่าในอนาคตลูกหลานของท่านจะได้เอามาเป็นมรดกของโลก
       ยิ่งใหญ่ในศิลปะที่สวยงามลึกล้ำอลังการณ์
       สรุปได้ว่า พระองค์ท่านคิดใหญ่ไม่คิดเล็ก  คนที่จะคิดการใหญ่  จิตใจต้องยิ่งใหญ่ และบารมีต้องยิ่งใหญ่ตามด้วย  และสุดท้ายก็กลับมาที่เดิม คือ ศรัทธาที่เจือด้วยปัญญากำกับของพระองค์นี้เองเป็นเหตุมนุษย์เราในโลกปัจจุบันนี้ได้มาชื่นชมในผลของศรัทธาแห่งพระองค์
        ท้าวไซยคำเลาะกับคณะก็เช่นเดียวกันไม่ยกเว้น  เราแค่มาชมผลงานความคิดของพระองค์ก็แทบจะดูไม่ทันเวลา   ผลงานของความคิดเชื่อศรัทธาของพระองค์ทำให้เราเอามาเป็นแบบอย่างในการสร้างความดีงามที่ยิ่งใหญ่ต่อตนเองและโลก

         ระหว่างที่เดินชมและคิดไปตามผลงานความเชื่อของพระองค์นั้น  รู้และสัมผัสได้ในพลังความคิดและพลังปราณธรรมชาติที่ยิ่งใหญ่ที่พระองค์หลอมรวมทุกอย่างในจักรวาลให้มารวมกันที่ปราสาทนครวัดแห่งนี้

         ท้าวไซยเคยพูดไว้หลายเวที  หลายที่สถานว่า พลังความคิด ร่วมลิขิตสร้างสรรค์  ร่วมด้วยช่วยกัน  โลกปัจจุบันนี้ถ้าคิดอย่างมีศรัทธา ให้ยิ่งใหญ่  สร้างสรรค์ มีปัญญา  โลกนี้จะเจริญรุ่งเรือง น่าอยู่ยิ่งขึ้น
        คณะของเราจะได้กลับมาอีกครั้งอย่างแน่นอน  สัญญานี้ไม่คลอนแคลนเสื่อมคลาย  ว่าแต่คณะจะมาเมื่อไหร่ค่อยตกลงกันให้แน่นอนอีกที  หรือใครจะไปด้วยก็แจ้งล่วงหน้า...ไม่ผิดหวัง

     ท่องโลกกว้างกับท้าวไซยคำเลาะ ประทับใจตลอดกาล   ขอบอก....



















2 ความคิดเห็น:

  1. คราวต่อไป ต้องไปศึกษาสาเหตุ อะไรที่ทำให้อณาจักรอันกว้างใหญ่ไพศาลต้องล่มสลาย ใช่การเปลี่ยนความศรัทธาจากการนับถือฮินดู เป็นพูทธศาสนาใช่หรือไม่ ถ้าใช่ ทำไมนครธมจึงรุ่งเรือง คิดๆๆๆ หัวจะแตกแระ 555

    ตอบลบ
  2. คราวต่อไป ต้องไปศึกษาสาเหตุ อะไรที่ทำให้อณาจักรอันกว้างใหญ่ไพศาลต้องล่มสลาย ใช่การเปลี่ยนความศรัทธาจากการนับถือฮินดู เป็นพูทธศาสนาใช่หรือไม่ ถ้าใช่ ทำไมนครธมจึงรุ่งเรือง คิดๆๆๆ หัวจะแตกแระ 555

    ตอบลบ